ราหู เหตุการณ์ สุริยประภา และ จันทรประภา ที่เรารู้จักกันคนสมัยก่อนได้ใช้ตำนานความเชื่อทางศาสนาอธิบายเอาไว้เพราะคนในยุคก่อนยังไม่เข้าใจเรื่อง วงโคจรของระบบ สุริยะ
ราหู นอกจากราหูชอบ ของถวายสีดำ ราหู มักมากับเรื่องไม่ดี เป็นสิ่งที่ต้องหลีก เลี่ยงแล้วทุกคนรู้ไหม ว่าจริงๆแล้ว ถ้าจะๆพูดถึง ที่มาของ สุริยุปราคา หรือ จันทรุปราคา วันนี้เราจะ มาพูดถึง ราหูกันเมื่อ พูดถึง ราหูแล้วถามว่า เป็นใครมา จากไหนทำมั้ยชอบ กินพรจันทร์ ดังนั้นเราต้องมอง ไปที่ความเชื่อชาติ หนึ่ง นั้นก็คือ ประเทศอินเดีย เพราะว่า ราหู นั้นเกิดจากความ เชื่อของศาสนา
พราหมณ์-ฮินดู นั้นเอง ด้วยที่ว่าราหู เป็นความเชื่อที่เก่า แก่มากๆ สิ่งที่ผมจะมา เล่าอาจจะ คล้ายๆกับที่เพื่อนได้ยิน มากแต่เชื่อว่า ต้องมีส่วน ที่คล้ายๆกันอยู่หลายจุด ในแต่ยุคแต่ละสมัย ก็มีการพูดถึง ราหู อยู่ตลอดเพียงแต่ ทุกสิ่งอยู่บนกฎ ของความไม่เที่ยง การบอกเล่าขาน ในแต่ละเรื่องก็ เช่น กันสามารถ ผิดเพี้ยนไป ตามกาลเวลาได้ แต่เรื่องที่จะมาเล่าให้ฟัง กันในวันนี้ ราหู คือ
คือ พยายามรวบรวม ข้อมูลจากหลายๆที มาไตร่ตรองพิจรณา แล้วจึงจะมาเล่นสู่กันฟัง เรื่องราวส่วนใหญ่ ที่เราได้ยิน กันในทุกวันนี้ คือ จะเป็นเรื่องเล่า ที่อยู่ในยุคของคัมภีร์ปุราณะ และ จะมีหลายต่อหลาย เล่ม เป็น 10 และ แต่ละในนิกาย ก็พูดถึง ราหูแตกต่างกันออกไป… ราหู อมจันคืออะไร ราหูนั้นถือ เป็นเทพนพเคราะห์องค์หนึ่ง ของ พราหมณ์-ฮินดู ความเชื่อ ในตอนนั้้นคือ ดาวแต่ละดวง นั้นจะมี
เทพนพเคราะห์ ประจำอยู่ คนยุคนั้น ไม่มีเทคโนโลยีก้าว หน้าพอที่จะมองไปถึง เนปจูน และ ยูเรนัส คนยุคก่อน มองออกไปไกลสุด คือ ดาว พฤหัส และ นับว่าดวงจันเป็นดาว เคราะห์ดวงหนึ่งด้วย และ มีเทพอยู่สององค์ที่ไม่มีดวงดาวเป็นของตัวเอง นั้นก็คือ พระราหู กับ พระเกตุ นั้นเอง เพราะ ราหูเป็นเเทพนพเคราะห์ที่เป็นเปียบเหมือนกับเงา และ ความมืด มาที่เหตุผลที่ว่า
ทำไมพระราหูถึงอยากอมพระจันทร์ กันดีกว่า จุดเริ่มต้นนั้นเริ่มจากการ การกวนเกษียรสมุทร เหตุการณ์ การกวนเกษียรสมุทร ซึ่งมีอยู่สองฝ่ายสู้กัน คือพวกเทพเทวดา และ พวกที่ไม่ใช่เทพเทวดา จึงพระเอกของเรา พระราหู ก็อยู่ในฝ่ายนี้ ได้เกิดเหตุการณ์ตกลงกันระหว่างสองฝ่ายว่าจะกวนเกษียรสมุทร เพื่อทำ น้ำอมฤทธิ์ ถ้าใครได้ดื่มน้ำ อมฤทธิ์ แล้วก็จะทำให้กลายเป็น
นอกจากเรื่องไม่ดีเรื่อง พระราหูช่วยเรื่องอะไร
อมตะ แต่เทวา นั้นไม่สามารถทำเองได้ ก็เลยชวนพวก อสูร มากวนเกษียรสมุทร แต่ระหว่างการกวนเกษียรสมุทร เหล่าเทวดา ได้ทำการตกลงกันว่าจะไม่แบ่ง น้ำอมฤทธิ์ ให้กับพวก อสูร พอถึงเวลาได้น้ำ อมฤทธิ์ พวกเทวดา
ก็ใช้อุบายต่างๆเพื่อหลอกล้อเพื่อที่ทำยังไง ให้พวก อสูร นัั้นไม่ได้กินน้ำ อมฤทธิ์ โดยใช้แผนสาวงาม ส่วน สาวงามที่ส่งไปก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นร่าง อาวุทของพระนารายณ์ นี้เองหลังจากหลอกล้อไปไกลจาก น้ำอมฤทธิ์ แล้วแต่ยัง
มีอสูร ตนหนึ่งที่ไม่หลงกล และ ก็เลยแอบเข้าไปกิน น้ำอมฤทธิ์อสูรตนนี้มีนามว่า svarbhanu ระหว่างที่กำลังกรอกน้ำเข้าปากมีเทพเทวดาอยู่สององค์ สังเกตุ เห็นกว่า มีอสูร อยู่ตนหนึ่งกำลังแอบกินน้ำอมฤทธิ์ ซึ่งก็คือ พระจันทร์ กับ พระอาทิตย์ เทพทั้งสองก็เลยไปแจ้ง พระนารายณ์ ดังนั้น พระนารายณ์ ก็เลยใช้ กงจักรที่เป็นอาวุท ประจำกลายของพระองค์ ร่อนไปตัด svarbhanu ขาดสองท่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทันแล้ว เพราะ svarbhanu ได้ดื่มน้ำ
อมฤทธิ์ เข้าไปแล้วเลยไม่ตายแต่ร่างกายได้ขาดเป็นสองท่อนแล้ว ร่างขาดแต่ไม่สามารถกระกอบกันได้ ส่วนหัวนั้นกลายมาเป็น พระราหู ส่วนท่อนที่สองลง กลายเป็น พระเกตุ หลังจากเหตุขึ้น พระราหูโกรธมาก ที่พระอาทิตย์ และ พระจันทร์ปากสว่างไปฟ้อง พระนารายณ์ มีจิตที่ตั้งมั่นว่าถ้าเจอเมื่อไหร่จะจับ ทั้งสองกินไม่ว่าจะเจอที่ไหนก็ตาม ถึงแม้จะกินได้ แต่ในเมื่อส่วนล่างตัวเองไม่สมประกอบเมื่อกินลงไปพระจันทร์ พระอาทิตย์แก็ไหลออก นี้คือที่มาของ
คำว่า มากลับกายเป็นดวงเหมือนเดิม ซึ่่งเรื่องนี้คนในยุคนั้นก็จะนำมา อธิบายเรื่อง วงโคจรของระบบ สุริยะ เช่น ทุกๆครั้งของการ วงโคจร หนึ่งครั้งพระราหูก็จะไล่ พระอาทิตย์ กับ พระจันทร์ ทันและจับกินไหล่ออกมากลับเป็นดวงดั่งเดิมวนไปเรื่อยๆ ฉะนั้น การที่พระราหู เข้าใกล้ ดาวไหนก็มีความเชื่อกันว่า
ก็มักจะส่งผลกระทบต่อดวงดาวนั้นๆๆ และ เหล่านั้นก็จะส่งผลต่อเราอีกที เพราะ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์มีดวงดาว และ เทพนพเคราะห์เป็นเจ้าชะตากำเนิด