อุปทานหมู่ จิตวิทยาหมู่ หรือว่า แค่คิดกันไปเองมาหาคำตอบกัน!
อุปทานหมู่ เคยมีบันทึก ทางประวัติศาตร์ เล่าถึงเหตุการณ์ หนึ่งที่แปลกมากเป็นเหตุึการณ์ ที่เกิดโรคระบาดโรคหนึ่งขึ้น ผลของโรคระบาด คือ การที่ทุกคนออกมาเต้นกันไม่หยุดจนเต้นคา ที่หลายๆคนอาจจะคิดว่าเป็น เรื่องที่น่าแปลก และ ไม่จริงวันนี้ เราจะมาเล่นถึง โรค dancing plague ซึ่งเจ้าโรคที่พูดมานี้เป็น
บันทึกทางประวัติสาตร์จริงๆ เหตุการณ์สำคัญทาง ประววัติสาตร์ครั้ง นี้เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1518 ที่ฝรั่งเศสเป็นช่วงปลายๆยุคกลาง ซึ่งเหตุการในครั้งนี้ได้ มีชาวเมืองจำนวนมากออกมาเต้นไม่หยุด ทำให้บางคนหัวใจวายบ้าง และ บางคนก็เส้นเลือดในสมองแตก หรือ บางคนก็อ่อนเพลียจนตายไปเลยก็มี เหตุการณ์นี้เริ่มต้น ขึ้นในเดือน กรกฏาคม ปี ค.ศ. 1518 มีผู้หญิงคนหนึ่ง
ชื่อว่า frau troffea เดินออก มานอกบ้านของ เธอแล้วก็เริ่มเต้น อยู่กลางถนน โดยไม่มีสาเหตุเธอเต้นจะเพลีย และ หมดแรงแล้วก็ล้มลง แต่เมื่อกลับ มามีแรงเธอเองก็ลุกขึ้นมาเต้นอีกครั้งทำอย่างนี้อยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้น มีชาวเมืองอีกประมาณ 3 คนออกมาเต้น กับเธอหลังจากนั้น อีก1อาทิตย์
อุปทาน คือ เป็นปรากฏการณ์ทางจิตสังคมอย่างหนึ่ง
ก็เริ่มมีคนทยอย ออกมาเต้นอยู่ กลางถนน อีกประมาณ 30 คนเต้นจนเป็นลม และ ก็ลุกขึ้นมาเต้นต่อ แบบนี้สลับไปมา พอทางผู้ปกครอง เมืองทราบข่าว ก็เริ่มรู้สึกว่าเรื่อง ที่เกิดขึ้นมันไม่ปกติ ห้ามก็ไม่หยุดก่อนสักที แล้วก็ไม่รู้สาเหตุ ของการที่ชาวเมือง ออกมาเต้นกันด้วย ดังนั้นทางผู้ปกครองเมือง ก็เริ่มหาวิธีแก้
ด้วยเทคโนโลยี ในสมัยนั้นยังไม่ก้าว หมอก็พยายามวินิจฉัย โรคตามความรู้ของตัวเอง ซึ่งก็มั่วพอสมควร หมอเองก็ได้วินิจฉัยโรคว่า เลือดน่าจะต้อง ร้อนมากเกินไป ร้อนในทีนี้คือหมายถึง อุณหภูมิของเลือด ที่สูงขึ้น ต้องขับความร้อน ออกผ่านการเต้น อย่างไรก็ตามนี้คือ การวินิจฉัยของหมอ และ หมอ
ก็คิดว่าเต้น คือ การขับความร้อนออกจากเลือด และ คิดว่าการเต้นคง เป็นวิธีรักษา ดังนั้นสภาพเมืองเลยจัด guildhall จัดตั้งเอาเวทีขึ้น จ้างวงดนตรีมาบรรเลง เพลงจนกว่าทุกคน จะหยุดเต้น ถามว่าหลังจากนี้เกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นไม่นานเห็นได้ชัดว่าหมอ วินิฉัยผิด เพราะ เหล่าคนที่เต้นแล้ว เป็นลมๆก็เริ่มออกอาการ คนบางคนมีอาการหัวใจวายบ้าง บางรายก็เส้นเลือด ในสมองแตก
อุปทานหมู่ กรมสุขภาพจิต กล่าวไว้ว่าสาเหตุ ของนักเรียน 13 คน ของโรงเรียนบ้านประชาสุขสันต์ จังหวัดสกลนคร
บางรายก็ออ่นเพลียจนตาย แล้วก็เริ่มทยอย ตายทีละคนๆ ใครตายก็ตายไป คนเต้นก็เต้นต่อไป จุดเริ่มต้นที่ frau troffea ออกมาเต้น คือ เดือน กรกฏาคม พอถึงเดือนสิงหาคม ก็มีคนออกมาเต้นรวม กันประมาน 400 คนสองเดือนผ่าน ไปเหตุการณ์การ เต้นก็ได้หยุดลง ตามตำนานเหล่าลือ กันว่าสาเหตุ ที่การเต้นลง คือสภาพ เมืองตัดสินใจ กลับลำคิดว่าพวก เขานั้นคิดผิด และ หยุดการส่งเสริม และ ไล่ให้ทุกคนกลับ หรือไปเขาโบส์ ไล่ให้ไปตั้งสติ และ ควบคุมอารม อาจจะด้วยความบังเอิิญว่า เรื่องนี้ไปกระตุ้นชาว เมืองก็เริ่มหยุดเริ่ม ไปทีละคนๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นแบบ งงๆ และ ก็จบลงแบบ งง ภายในสองเดือน
และ เหตุการณ์ ในครั้งนี้ในศตวรรษที่ 16 มีบันทึกทาง ประวัติสาตร์บันทึกไว้ อย่างละเอียดดังนั้น นี้คือเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นจริงทางประวัติสาตร์ และ ไม่ได้เกิดขึ้น เพียงครั้งเดียว ตลอดเวลาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 10 ถึง ศตวรรษที่16 เกิดเหตุการณ์ แบบนี้ขึ้นหลายครั้งมากในยูโรป ในสวิตเซอร์แลนด์ ฮฮนแลนด์ หรือ ที่เยอร์มันเอง ก็ล้วยแต่เคยเกิดเหตุการณ์ นี้ขึ้นมาเช่นเดียวกัน นักประวัติสาตร์ ในปัจจุบันเองก็พยายาม หาเสาเหตุ และ สันนิษฐานกันจนได้ข้อสรุป 4 ข้อด้วยกัน ข้อที่1 เชื่อการว่านักบาป คนหนึ่งสามารถบาปคนได้ และ นักบุญคนนั้น
ด้วยสาเหตุใด ก็ตามช่วงนั้นมีภัยแล้ง อาจจะทำให้ทุกคนเกิด ความเครียด ความแพกนิก หลอนคิดกันไปเอง ข้อที่ 2 ยกตัวอย่างในประเทศไทย ที่มีน้ำผุดขึ้น กลางหมู่บ้านแล้ว มีคนไปตักดื่มกิน ทำให้หายจาก โรคภัย หายเลยมีคนพากันมาตักน้ำดื่มต่อๆกันและคิดว่าคือน้ำวิเศษ ทั้งที่ความเป็นจริง สาธารณสุขมาตรวจ ปรากฎว่า คือน้ำส้วมแตก!! ในยูโรปช่วงนั้นก็เช่นเดียวกัน
การออกมาเต้น อาจจะเป็น อุปทานหมู่ pantip หรือ อุปทานไปเอง ว่าการที่ออกมา เต้นเพื่อบูชาเทพพระเจ้า ทำให้พระเจ้าเห็นใจ ต่อให้ล้มลงไปก็ต้องลุกขึ้น มาเต้นต่อและคิดว่า จะทำให้ภัยแล้งหายไป ข้อที่ 3 อาจจะเกิด จากการกิน เช่น พวกเห็ดเมา ทำให้มาอาการ หลอนกัน ข้อสุดท้ายฟังดู make sense ในช่วงนั้นชาวฝรั่งเศส กินขนมปังเป็น อาหารหลักจึงอาจจะไป กินขนมปังจากปังหลายชนิด อาจจะไปกินโดยตัวหนึ่งที่จากแป้ง rye ซึ่งแป้ง rye มันมีเชื้อรา และเชื้อรา ตัวนี้เองส่งผลต่อ สมองทำให้หลอน ไม่ต่างจาก เห็กเมาในข้อที่ แล้วสักเท่าไหร่